สารคดี ปฐมจักรพรรดิแห่งฉิน

จิ๋นซีฮ่องเต้ ปฐมจักรพรรดิแห่งฉิน

ผู้ทรงมีอำนาจ ทรงครอบครองอาณาเขตมากที่สุด ทรงสร้างกองทัพที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยเห็น ทรงทำลายศัตรู และกลายเป็นยอดผู้พิชิตทั้งมวล เพื่อเจตนารมณ์สวรรค์ เพื่อสร้างอาณาจักรให้ยืนยงค์กว่าชั่วหมื่นอายุ ประเทศจีน ปฐมจักรพรรดิแห่งฉิน

ตำนานจิ๋นซีฮ่องเต้ | VZMART

ความคิดเห็น เกี่ยวกับ สารคดี ปฐมจักรพรรดิแห่งฉิน
เฮ้อ เอเชีย ก็มีดีตรงยุคอาวุธเย็นนั่นแหละ ทั้งเจิ้งเหอ จิ๋นซี เจงกิสข่าน สงครามฝั่งยุโรปตอนช่วงเวลาเดียวกัน อย่างกับฝูงมดสู้กัน ช่วงเจิ้งเหอ เทคโนโลยีการเรือก็ล้ำหน้ายุโรปเป็นพันปี ดินปืนก็ผลิตก่อนเขาเป็นชาติ ยังมีคนโง่ไปแดกดินปืนกินปรอทจนตาย ทั้งประชากรทั้งความอุดมสมบูร ท่าเกิดยุโรปอยู่ค่างๆเอเชีย คงโดนมองเป็นคนเถื่อนไปแล้ว เอาเหอาะกุคนไทยไม่เกี่ยวฮา~


 

ฉินซีตายไปญี่ปุ่นเกาหลีก็เริ่มแสดงตัวอย่างเต็มที่ได้แต่สารคดีเรื่องนี้ให้แง่ลบกับฉินซีมากเกินไป

ถ้าไทย ไม่เสียประเทศราช ก็อาจจะมีความยิ่งใหญ่แบบจีนแต่ เสียอย่างเดียว นักการเมือง.

ถ้าไม่มีจิ๋นซี ประเทศกลุ่ม Sino Sphere คงมีเพิ่มขึ้นอีกหลายประเทศ นอกจาก เกาหลี ญี่ปุ่น เวียตนาม อาจจะมีประเทศ จ้าว หาน ฉู่ เอียน ฉิน ฉี แต่ละประเทศมีภาษาพูดและวัฒนธรรมของตนเองแบบเกาหลี ญี่ปุ่น มีขนาดตั้งแต่พอ ๆ กับประเทศไทย ไปจนถึงใหญ่พอ ๆ กับอินเดีย ลักษณะจะคล้าย ๆ กับ ยุโรป หรือ อาเซียน ในยุคปัจจุบัน

น่าเสียดายที่จีนมาสดุดก่อนยุคอุตสาหกรรม ถ้าไม่มีระบอบคอมมิวฯจีนน่าจะไปไกลกว่าอเมริกาแล้ว แต่ข้อดีที่จีนใช้ระบอบคอมฯคือการรวมอำนาจเบ็ดเสร็จไม่งั้นเอเชียคงมีอีกหลายประเทศ

เหมือนทำสารคดี ใส่ชั่วให้จิ๋นซีรับไปคนเดียวเลยอ่ะ ไม่มีไรดีเลยชั่วสุดๆ

จิ๋นชี ไม่รู้ว่า ใช้คำพูดอย่างไรให้ผู้คนมากมาย มาเป็นทหาร มาเป็นมือ เป็นเท้า มาเป็นข้าทาสบริวารให้เขาได้เป็นใหญ่ ได้มากมายในยุคนั้น สำหรับผมแล้วมันเป็นสิ่งที่แปลก ประหลาด มหัศจรรย์มาก

เสียดายประเทศจีนแตกแยกกัน เลยทำไห้ประเทศที่มารุกรานสามารถยึดพื้นที่ประเทศจีนได้ ถ้าจีนไม่แตกแยกกัน ป่านนี้คงเป็นที่ 1 ของโลก ต้องยอมรับว่าฮ่องเต่ขุนนางจีน คนจีนสมัยโบราณฉลาดหลักแหลม และล้ำมาก

มาถึงก็มั่วแล้ว จีนสมัยฉินเล็กกว่าจักรววดิเปอร์เซีย อีก ยิ่งมาบอกใหญ่กว่านโปเลียนนี้ตลกเลย นโปเลียนออกรบเองวะ

ในสายตาผม ฉินซีฮ่องเต้คือมหาราชนะ เพราะการรวมแผ่นดินนั้นเป็นความฝันของเจ้าแคว้นทุกแคว้นอยู่แล้วเพียงแต่ทำไม่ได้เท่านั้นเอง แต่ฉินซีถูกป้ายสีจากนักปราชญ์ยุคหลังเพราะความเจ็บแค้นส่วนตัว (เรื่องเผาตำรา) เพราะในยุคฉินซี นักวิชาการถูกจับและถูกประหารมากมาย อันเนื่องมาจากนักวิชาการเหล่านี้เป็นพวกหัวโบราณ อ้างแต่ตำรา(ที่ไม่สามารถใช้บริหารประเทศได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ) ปลุกปั่นมวลชนสร้างความวุ่นวายในประเทศ ถามว่าทำไมฉินซีถึงไม่สนใจตำราของพวกนักวิชาการพวกนี้? ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่ตำราพวกนี้คนรุ่นก่อนเคยนำมาใช้ในแคว้นของตนแล้ว รุ่งเรืองอยู่พักเดียวแล้วก็ตกต่ำ ผู้ปกครองดี แคว้นก็รุ่งเรืองผู้ปกครองเลวแคว้นก็ตกต่ำ สรุปคือมันไม่ได้ผลที่ยั่งยืน เราจะเห็นได้ว่า ยุคก่อนฉินซีคือยุคจ้านกว๋อเป็นยุคแห่งการปฏิรูป ทุกแคว้นต่างงัดสารพัดตำรา สารพัดนักวิชาการเข้ามาปฏิรูปแคว้นตนเองให้เข้มแข็ง แต่ก็ไม่สำเหร็จหรือดีเดี๋ยวเดียว ผิดจากแคว้นฉินที่กำลังจะล่มสลายแต่ก็ได้นักปราชญ์ ที่มีแนวคิดฉีกออกจากแนวคิดของคนยุคนั้นมาปฏิรูป คือ เว่ยยัง แนวคิดของเว่ยยัง แปลกแยกจากวิชาการในตำตาทุกเล่มในยุคนั้นแต่ทว่า แนวคิดของเขากลับทำให้แคว้นฉินแข็งแกร่งสืบทอดกันมาถึง7รัชกาลและมีแนวโน้มที่จะเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงยุคฉินซีซึ่งเป็นรัชกาลที่7นับจากการปฏิรูปของเว่ยยังแคว้นฉินก็แข็งแกร่งถึงขีดสุดจนรวมจักรวรรดิ์จีนได้ และพยายามจะนำการปกครองแบบฉินมาปกครองแคว้นที่ยึดได้ ซึ่งมันก็ต้องมีแรงต้านเป็นธรรมดา แนวคิดนักวิชาการหัวเก่านั้น ชาวบ้านสามัญชนธรรมดามีค่าแค่ทาสของพวกขุนนาง ขุนนางทำอะไรไม่มีความผิด กฏหมายบังคับใช้กับประชาชนเท่านั้น แต่ฉินซีบังคับใช้กฏหมายกับทุกชนชั้นสามัญชนหรือขุนนางทำผิดโทษเท่ากันไม่มียกเว้น ความดีความชอบใช้หักล้างความผิดมิได้ สิ่งนี้แหละที่ขัดใจบรรดานักปราชญ์นักหนารวมทั้งพวกขุนนางดว้ย

ฮองเต้ฉินซีแค่หัวโขน ของ ขุนนางเหล่าแม่ทัพ เพื่อให้ประชาราษฎรสามัคคีเป็นผึกแผ่น ร่วบรวมแผ่นดินได้ และพวกกบฏขุนนางเหล่าแม่ทัพ ก็สบายร่วมหัวยกตัวเองเป็นใหญ่ฆ่าฮ่องเต้ เศร้าครับถ้าเรื่องจริง
เพราะลูกสาวฉินซีโดนตัดมือไปใว้ที่เพื่อนรัก พวกขุนนางใส่ร้ายป้ายสีเพื่อนรักว่าฆ่าลูกฉินซี ต่างคนต่างโดนลอก ตอนจบเพื่อนรักพยายามบอกความจริงฉินซีแต่โดนวางยาพูดไม่ได้ จบบริบูรณ

เคยได้ฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับชายหญิง 600 คู่ที่ถูกส่งไปขอยาที่ทะเลตงไห่ ( 东海 แปลว่าทะเลตะวันออก) ชายหญิงเหล่านั้นไม่ได้กลับมาแต่ไปตั้งหลักแหล่งที่หมู่เกาะแห่งหนึ่ง นั้นคือประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน
-ไปศึกษาประวัติศาสตร์มาใหม่ครับ
มีหลักฐานยืนยันว่าคนญี่ปุ่นส่วนมาก อาศัยในพื้นที่แต่เดิมบนเกาะญี่ปุ่น
เป็นเวลา 100,000 ปีแล้ว ยุคนั้นแผ่นดินญี่ปุ่นยังอยู่ติดกับทวีปเอเชีย
มีการแบ่งเป็นหลายเผ่า เผ่าที่อยู่มานานสุด มากกว่า 100,000 ปี คือเผ่าไอนุ
ยุคจิ๋นและยุคฮั่น ญี่ปุ่นยังเป็นแค่ชนเผ่า คนจีนฮั่นเรียกว่า ชนเผ่า “วะ” หรือ “วา”
เป็นพวกที่อาศัยอยู่ในโอกินาว่า หรืออาณาจักรริวกิว
ซึ่งชนเผ่าวะเองก็ไม่ถือว่าตัวเองคือคนญี่ปุ่น ชนเผ่าไอนุเองก็เช่นกัน
-ถูกต้องตามนั้นเรยครับ เพียงแค่ญี่ปุ่นโบราณ มีการสมาคมกับจีน และรับเอาวัฒนธรรมบ่างอย่างจากจีนไปประยุคใช้ในแบบฉบับของตนเองก็เท่านั้น ทำให้คนส่วนมากเข้าใจว่า คนญี่ปุ่นคือคนจีนที่หนีไปจากแผ่นดินใหญ่ในยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ แท้จริงแล้วชนชาติญี่ปุ่นมีประวัติศาสตร์และอารยธรรม ที่ยาวนานไม่แพ้ชนชาติจีนเลยแม้แต่น้อย

พูดมาเถอะพ่อจะฟังเจ้าและชาวเมืองแท้ที่จริงพ่อบอกพ่อสอนทหารส่วนทหารมีกองเสบียงแต่วันนี้ประชาชนกลับจะช่วยเราถึงจะฟังตลกแต่ฮ่องเต้ฉู่อ๋องเว๋ยคนนี้กลับมีแคว้นในปกครองถึง10แคว้นโชคดีที่พ่อแม่พวกเจ้าทำให้ฝนตกลงมา

จิ๋นซี ยิ่งใหญ่มาก สร้างสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้ มองการณ์ไกล คนโบราญ ความคิดต้องเปลี่ยนแปลงบ้าง ดีที่ จิ๋นซี กล้าสร้างกล้าเปลี่ยน ดีสำหรับคนรุ่นหลัง

หนังดีมากกก หนังเก่าตั้งแต่ปี 1996 แต่การถ่ายภาพ มุมกล้อง ดนตรี ไม่เก่าลงเลย
ขนาดลูกสาวตาย ฉินซีฮ่องเต้ ยังไม่หลั่งน้ําตา แต่เพื่อนวัยเด็ก เกาเจี่ยนหลี ตาย ฮ่องเต้ กลับเสียใจยิ่งนัก

หนังเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความรัก เกิดจากคนสองคนรักกัน และ
ความโหดร้าย ไม่สามารถแลกกับความยิ่งใหญ่ได้อย่างยั่งยืน

จักรพรรดิฉินซี.บริหารจักรวรรดิเก่งมากแต่กลับไปเชื่อขุนนางบางคนที่ว่ากินปรอทแล้วจะอายุยืนสุดท้ายป่วยตายเพราะปรอท.555..องค์จักรพรรดิฉินยังสั่งให้บรรดาขุนนางที่ชวนเชื่อว่ามียาที่กินแล้วอายุยืนไปหายาอายุวัฒนะที่กินแล้วอายุยืนเป็นหมื่นปีมาให้.แต่ขุนนางเหล่านั้นก็ไม่กลับมาพบจักรพรรดิฉินอีกเลย..ก็ใครจะกล้ากลับมาละเพราะรู้อยู่ว่ายาแบบนั้นไม่มีอยู่จริง555

หนังเรื่องนี้สร้างปี 1996 เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีการค้นพบหลักฐานใหม่
เนื้อเรื่องจึงต้องอิงหลักฐานเก่าที่ส่วนมากจะเป็นนิยาย หรือบันทึกประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนขึ้นมาในยุคหลัง

จะเห็นได้ว่าหนังเรื่องนี้ต้องการประหยัดงบ ต้นทุนการถ่ายทำ ส่วนใหญ่จะถ่ายทำแต่ในรอบๆพระราชวัง ฉากตายขององค์หญิงเย่ว ก้ไม่มีเร อาจมีหรือถูกตัด ออกเพราะดูไม่สมเหตุสมผล

ผมตั้งพรรคฟ้าดิน อากาศแปรปรวนบ่อยไอตี๋ใหญ่ เป็นได้แค่รูปที่บังโคลนรถสิบล้อหล่ะว้าา ผมเป็นพวกชาตินิยมแบบอาหรับ คิดไห้ดีจะเอาพรรคไหน ถ้าเลือกพรรคผมนะ ผมจะไห้เด็กเลิกเรียนบ่ายโมง ผมเคยเป็นไอ้ขุนทุรยศ แต่ตอนเน้ยังรักอยู่ แต่งงานกับกูมั้ยไห้บ้านและทรัพสินทั้งหมดไปบริหารเอา จริงๆผมต้องการกินผักตรงตึกไออาก้อนมันไม่มีจริง แต่จะพาไปกินก๋วยเตี๋ยวเพื่อบำรุงบุญพรหมทดในใจเรื่องนี้ไปก่อน คุณลองขายก๋วยเตี๋ยวที่เชียงใหม่กับผมมั้ยเจริญอาหารไปในตัวบำรุงเศรฐกิจ แต่ผมจะกินตามใจผมและมาตรา1890987 วรรค 2 ท่อนที่ห้าตั้งใจกระทำผิดเพียงแค่อยากโดนเผาเอาดีๆพี่หรือน้อง และจะบอกอีกอย่างชื่อฝรั่งเศสมัสซิยอง 3 ทหารเสือช่วยเจ้าชายหน้าเหมือนแห่งบูยอง อิบนุ ฮากีม ว่า อีบิลิน มึงเชื่อมั้ยไห้ตรงไปทางที่คนพูดอิตาลี่ และตรงไปเมสซิน่า และจงไปต่อจนคนพูภาษาอื่น แล้วมึงนั่งเรื่องไปปลดบาปในดินแดนศักดิ์สิทธ ข้ายังคุ้นเคยแม่เจ้าดีในยามที่ฉันยังเดินได้ สายเดินหน้ามันหว่ะ อยู่ดีๆก็ลุกขึ้นมาแต่งหน้าโชว์นมสูบหรี่กินเหล้าและไม่เข้าใจมุสลิมแสบ อยากกินไอติมทอดเบ๋าดั๋งแม่กิมเล้งแห่งดอนหอยหลอด คลอดมามึงเจอกูสักหนังสักคอประจาร มุชมาอู้ล ไม่มีรสนิยมไม่ฟังสายเอาเตอมาจีบหว่ะ ผัวเข้าหรือเมียเรา นักร้องดังมาสบทอาหรับคำอังกิดคำผิดไวยากรนอนสบายกูจิบอกไห้เด้อหล่า เลี้ยงแมวไห้คนมาลูบๆดีก่าไปไหว้พลาสติกแมวกวักสมัครสมานกันเถอะพี่น้องชาวไทย ถ้าผมมีอำนาจจะมีทุกมาตรตราตั้งแต่เกิดยันตาย และไม่จำเป็นต้องประหารโรฮิงญา นิยมอาหรับ ตั้งกองกำลังผาสุขไม่มีกองทัพ มีแต่กองกำลังป้องกันตัวเองแต่อยากมีเมีย เราต้องไม่ลืมว่าเราเป็นใคร รบห้าวหาญเพียงไหน นวมินทร์ราชินูปถัม ถ้ำหลวงทีหลังอย่าไปเตะบอลในนั้นนะ ขอบใจนะ การทำลายบามิยันพันเมตรดโดยประมานยีดั้วะปืนคอ ปืนเจะก้า มึงรู้มั้ยมึงทำพวกหงสาลิ้นดำตายไป200กว่าคนมึงจะเอาอะไรมาทดแทน ผมจะปกป้องอธิปไตยถ้าได้เปรียบทุกสถานะการบริวารเพิ่มพูล มูลเข้าเหนียว เบี้ยวโต๊ะเนาะแม่ลุงเดร40บาท ต้องการเสื้อเกราะเคาะไม้มาแร็บถ้าไม่ปลอดภัย มึงกับกูจะเอางัย ?หวังเฉา หม่าฮั่น กูอยากมีวรยุทแบบจั่นเจา ม้าสมัยจรรกวัดดิฉัน 50 บาทอะ ผมจะไปขายแรงงานที่ซาอุ ผมบางครั้งก็หลั่งน้ำตาแล้วคิดถึงน้ำแข็ง ผมฟังได้หมด พูดมาเลย ดีก่า แค่โทรมาจะรีบรับสายแล้วต้องได้มา พกยาเส้นเยอะๆก็เกิดแล้ว

จักรพรรดิฉินที่ 1 หรือ ฉินชื่อหวง (จีน: 秦始皇; พินอิน: Qín Shǐhuáng; ในภาษาไทยเรียกชื่อโดยทั่วไปตามภาษาจีนสำเนียงแต้จิ๋วว่า “จิ๋นซีฮ่องเต้”) มีพระนามเดิมว่า เจิ้ง (政) สันนิษฐานว่าประสูติเมื่อ พฤศจิกายน/ธันวาคม พ.ศ. 283 (260 ปีก่อนคริสตกาล) และสวรรคตเมื่อ กันยายน พ.ศ. 333 (210 ปีก่อนคริสตกาล) ทรงเป็นราชาแห่งแคว้นฉิน (秦王) ตั้งแต่ พ.ศ. 297 (247 ปีก่อนคริสตกาล) ถึง พ.ศ. 322 (221 ปีก่อนคริสตกาล จากการรวมประเทศในสมัยราชวงศ์นี้ ทำให้กลายมาเป็นคำเรียกว่าจีนในภาษาไทย และ china ในภาษาอังกฤษ (มาจากคำว่า chin หรือ qin)

ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าพระองค์เป็นบุตรของใครแต่โดยทั่วไปเชื่อว่า เป็นบุตรชายของพ่อค้าคนสำคัญคนหนึ่ง ที่ต่อมาภายหลังได้เป็นเสนาบดีคนสำคัญของแคว้นฉิน ชื่อ หลี่ปู้เหว่ย กับมารดาที่เป็นนางสนมชื่อ เจ้าจี

แคว้นฉินเป็นแคว้นหนึ่งในประเทศจีน สมัยนั้นซึ่งยังมีแว่นแคว้นต่างๆ มากมาย และมีเจ้าผู้ครองแคว้นของตนเอง ต่อมา ฉินอ๋อง (จิ๋นซีฮ่องเต้) ได้ทรงรวบรวมแว่นแคว้นต่างๆ เข้ามาเป็นปึกแผ่น เป็นจักรวรรดิจีน และทรงดำรงตำแหน่งจักรพรรดิหรือฮ่องเต้ -หวงตี้องค์แรกของจักรวรรดิจีนตั้งแต่ พ.ศ. 323 (221 ปีก่อนคริสตกาล) ถึง พ.ศ. 334 (210 ปีก่อนคริสตกาล) โดยขนานนามพระองค์เองว่า จักรพรรดิองค์แรก (始皇帝, ชื่อหวงตี้) พระองค์เป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งราชวงศ์จิ๋น ราชวงศ์ฉินของพระองค์มีอายุเพียง 15 ปี แต่ก็เป็นจุดหักเหสำคัญของประวัติศาสตร์จีน

ในการที่จะรวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นปึกแผ่นได้นั้น จิ๋นซีฮ่องเต้และเสนาบดีของพระองค์ นาม หลี่ซือ ต้องยกกองทัพไปตีแคว้นต่างๆ และทำการปฏิรูปมากมายหลายด้าน ซึ่งรวมทั้งด้านการเมือง ภาษา วัฒนธรรม และภูมิปัญญาความคิด พระองค์ทรงเผาทำลายหนังสือ และสังหารนักปราชญ์ไปจำนวนมหาศาล เนื่องจากพระองค์ทรงดำริว่าถ้าต่างแคว้นต่างมีวัฒนธรรมความคิดของตนเองแล้ว การที่จะทำให้แผ่นดินเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ และพระองค์ทรงริเริ่มสร้างผลงานที่โลกต้องยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งก็คือ กำแพงเมืองจีน ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อป้องกันประเทศจีนจาก ชนเผ่าทางเหนือ โดยการสร้างครั้งนี้ มีการบันทึกว่ามีประชาชนชาวจีนและเชลยศึกจำนวนมหาศาลต้องสังเวยชีวิตไปในการ สร้างกำแพงครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังมีสุสานของพระองค์ ซึ่งยังปริศนาให้ชาวโลกรอไขความจริง

แม้ว่าพระองค์จะทรงถูกชาวโลกจดจำว่าเป็นจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมหรือเป็น ทรราชย์องค์หนึ่งของโลก แต่ชาวจีนก็ยังคงยกย่องพระองค์ให้เป็นบิดาผู้รวบรวมประเทศจีนให้ เป็นปึกแผ่น ซึ่งเคยแตกกระจายเป็นแว่นแคว้นต่างๆ มานานกว่าสองสหัสวรรษ และการปฏิรูปทั้งหลายของพระองค์ก็ยังคงมีผลกระทบถึงคนปัจจุบัน ซึ่งเรื่องราวในส่วนนี้กลายมาเป็นวัฒนธรรมสมัยนิยมในปัจจุบันต่าง ๆ มากมาย ทั้งนวนิยาย ละครโทรทัศน์ หรือภาพยนตร์ เช่น เจาะเวลาหาจิ๋นซี นิยายกำลังภายในแฟนตาซีของหวงอี้ หรือภาพยนตร์เรื่อง The Emperor and The Assassin ใน ค.ศ. 1998 ของเฉิน ข่ายเกอ ที่เป็นเรื่องราวของพระองค์กับนักลอบสังหารที่ชื่อ จิงเคอ จากแคว้นเอี้ยน ที่เล่ากันว่ามีโอกาสเข้าประชิดตัวพระองค์มากที่สุดขณะเข้าเฝ้าและพยายามสังหารด้วยมีดสั้นที่ซ่อนไว้ในแผนที่ แต่ไม่สำเร็จ

Copy link
Powered by Social Snap