สารคดี การล่มสลายของอาณาจักรโรมัน


อาณาจักรที่นับเป็นอารยธรรมรุ่งเรืองที่สุดในโลก “อาณาจักรโรมัน”การขยายอำนาจที่รวดเร็วและกว้างขว้างเรื่องราวของสมรภูมิรบในแต่ละศวรรษคือตำนานที่ยังมีลมหลายใจ อดีตผู้นำของโรมยังคงชื่อเสียงดังก้องมาจนถึงปัจจุบัน


พบกับเรื่องราวของจุดอวสาน แห่งจักรวรรดิโรมัน ที่นำไปสู่จุดสิ้นสุดของประวัติศาสตร์โลกยุคโบราณ มีทั้งหมด 2 ตอน

การล่มสลายของกรุงโรม: เมื่อไหร่และทำไมถึงเกิดขึ้น?
1085a2813ba43b9c การทำความเข้าใจจุดจบของจักรวรรดิโรมัน วลี ” การล่มสลายของกรุงโรม ” แสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดภัยพิบัติบางอย่างสิ้นสุดลงเมื่อจักรวรรดิโรมันซึ่งทอดยาวจากเกาะอังกฤษไปยังอียิปต์และอิรัก แต่ในตอนท้ายไม่มีการรุกที่ประตูไม่มีกลุ่มคนป่าเถื่อนที่ส่งจักรวรรดิโรมันเข้าไปในก้มถลาลง แต่จักรวรรดิโรมันตกลงอย่างช้า ๆ อันเป็นผลมาจากความท้าทายจากภายในและภายนอกและเปลี่ยนไปตลอดหลายร้อยปีจนกระทั่งร่างไม่สามารถจดจำได้ เนื่องจากกระบวนการที่ยาวนานนักประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันจึงได้วางวันที่สิ้นสุดไว้ที่จุดต่าง ๆ ในความต่อเนื่อง บางทีการล่มสลายของกรุงโรมสามารถเข้าใจได้ดีที่สุดว่าเป็นกลุ่มอาการของโรคต่างๆที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของที่อยู่อาศัยของมนุษย์เป็นเวลาหลายร้อยปี อ่านต่อ

จุดจบกรุงโรม by CHERRYMAN
กรุงโรมเป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอิตาลี ซึ่งมีอดีตอันยิ่งใหญ่และเกรียงไกรในยุคจักรวรรดิโรมันโรมมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 2,800 ปี
จุดเริ่มต้นของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ สู่การแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน
“จักรวรรดิโรมัน ไม่มีอะไรที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีความเป็นโรมัน ไม่มีความเป็นจักรวรรดิ” เป็นวลีของ ฟร็องซัว-มารี อารูเอ หรือเป็นที่รู้จักกันในนามปากกาว่า วอลแตร์ ได้ให้คำอธิบายถึงจักรวรรดิโรมันเอาไว้ เนื่องจากผู้ปกครองอาศัยศาสนจักรเป็นเครื่องมือในการประกาศความเป็นจักรวรรดิเท่านั้น เพราะหลังจาก ‘โรมันตะวันตก’ จะล่มสลายไปแล้ว จักรพรรดิแห่งโรมและศาสนจักรโรมันคาทอลิกจึงมีบทบาทสำคัญต่อ ‘โรมันตะวันออก’ เท่านั้น เอพิโสดนี้จึงจะพาย้อนรอยประวัติศาสตร์เพื่อศึกษาการก่อตั้งของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ก่อนนำไปสู่การกำเนิดประเทศสำคัญหลายประเทศในยุโรป

00:00 Introduce
03:31 การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก
04:56 การขยายอำนาจอาณาจักรแฟรงก์
08:18 Pope Saint Leo III
09:57 สถาปนาจักรพรรดิแห่งโรม
13:03 สนธิสัญญาแวร์เดิง (Treaty of Verdun)

จักรวรรดิแฟรงก์แตกออกเป็น 3 ส่วน
• แฟรงก์ตะวันตก – พัฒนาเป็นฝรั่งเศส
•แฟรงก์ตอนกลาง – ภายหลังถูกผนวกกับแฟรงก์ตะวันตกและแฟรงก์ตะวันออก
• แฟรงก์ตะวันออก – พัฒนาเป็นจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นเยอรมนี

การสูญสลายของจักรวรรดิโรมัน อาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ
สำหรับประวัติศาสตร์โรมันตอนที่ 2 จะเล่าถึงพัฒนาการการขยายอำนาจของจักรวรรดิ หลังจากการสิ้นสุดสงคราม Punic War จนได้เป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ นับเป็นยุครุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันยาวนานหลายปี แต่เมื่ออาณาจักรมีพื้นที่กว้างขวางเกินกว่าที่ชนชั้นปกครองจะดูแลอย่างทั่วถึง จึงนำไปสู่ปัญหาการเมืองภายใน จนต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสาธารณรัฐสู่ระบบเผด็จการ เข้าสู่ยุคมืดของโรมัน และนำไปสู่ยุคกลางของยุโรปในเวลาถัดมา

00:00 Introduce
00:58 First Triumvirate
04:03 การขึ้นสู่อำนาจของซีซาร์ ออกุสตุส
05:44 กำเนิดพระบุตรเยซู
08:03 การขยายตัวของชาติพันธุ์เยอรมัน
10:17 การขยายอำนาจสู่เกาะบริทาเนีย
13:14 ยุคเฟื่องฟูสมัยสุดท้ายของโรมัน
14:58 จุดสิ้นสุดจักรวรรดิโรมัน

ก่อนที่จักรพรรดิคอนสแตนตินจะประกาศให้คริสตศาสนาเป็นศาสนาประจำจักรวรรดิ มีเหตุการณ์สำคัญที่คริสเตียนในโรมันไม่ลืม และเป็นแรงผลักดันให้มีการลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิทางศาสนา นั่นคือ การมรณกรรมของบาทหลวงวาเลนไทน์ หรือ Valentine Of Terni ในช่วงกลางศตวรรษที่ 3 สมัยนั้นจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ร่างกฎหมายเกณฑ์ไพร่พลไปรบกับอานารยชนเป็นจำนวนมาก จนกระทบไปถึงชายที่มีครอบครัว ถึงขนาดที่มีการฝ่าฝืนกฎหมายและบางส่วนก็หนีไป จักรพรรดิคลอดิอุสก็โทษคริสตศาสนาที่ตอนนั้นยังเป็นเพียงลัทธินึงที่จะจัดพิธีสมรสให้ชาวโรมันเป็นประจำว่าเป็นตัวการทำให้ชาวโรมันละทิ้งหน้าที่ แล้วสั่งให้ห้ามจัดพิธีสมรสเด็ดขาด ตอนนั้นเองบาทหลวงวาเลนไทน์ได้ฝ่าฝืนคำสั่งจักรพรรดิ และได้ทำพิธีสมรสให้ชาวโรมันอย่างลับๆ จนเป็นที่รักของชาวโรมันในยุคแห่งความตึงเครียดนี้ เมื่อสิ่งที่บาทหลวงวาเลนไทน์ได้ทำไปกระจ่างชัดขึ้น จักรพรรดิคลอดิอุสเริ่มสงสัยในกลุ่มคริสเตียน แล้วสั่งให้จับกุมตัวการของเรื่องนี้ บาทหลวงวาเลนไทน์ถูกจับกุมและถูกตัดสินให้ประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เลยให้วันนี้เป็นวันรำลึกถึงบาทหลวงวาเลนไทน์ อย่างที่เรารู้จักกัน ในเวลาต่อมาก็ได้มีการสถาปนาเป็นนักบุญวาเลนไทน์ด้วย

เสริมนิดนึงครับ บางคนอาจสงสัยว่าโรมันทำไมเป็นปฏิปักษ์ต่อคริสตศาสนาหรือเปล่า กลับกันเลยคือ โรมันให้อิสระการนับถือพระเจ้ามาก ที่ในหนังโบราณพวก Pagan จะเรียกว่า Gods ไม่ใช่ God คือใครจะบูชาอะไรนู้นนี่ได้หมด แต่ตอนนั้นมีศาสนายูดายของยิวที่เกิดมาเป็นพันปีแล้ว เชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียว แต่โรมันก็ไม่ได้ทำอะไร กลับกัน คนที่จับพระเยซูตรึงไม้กางเขนคือพระในศาสนายูดาย ที่อารมณ์ประมาณว่า มองแค่คริสตศาสนาเป็นนิกายใหม่ แล้วก็ไม่อยากให้มาป๊อบปูล่าแทนศาสนาเดิม เรื่องเล่าที่พลิกเกมส์คือ หนึ่งในนักบวชที่สั่งลงโทษพระเยซูตอนนั้นกลายมาเป็นคนเผยแพร่ศาสนาคริสต์ภายหลัง จนได้รับความนิยมมากขึ้น นักบวชคนนั้นคือ นักบุญซอล (ในภาษายิว) หรือ นักบุญพอล นั่นเอง แต่มาตั้งหลักได้จริงจังก็ตอนจักรพรรดิคอนสแตนตินอย่างที่เฮียได้กล่าวไปเลยครับ


 

Copy link
Powered by Social Snap