สารคดี ความลับของดวงอาทิตย์

สุดยอดสารคดี ท่องจักรวาล ตอน ดวงอาทิตย์ และ ความลับที่คุณอาจยังไม่รู้ HD

ดวงอาทิตย์ เป็นดาวฤกษ์ที่เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะของเรา ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์แคระ ดาวเคราะห์น้อย และดาวหาง ล้วนแล้วแต่โคจรรอบดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ที่สำคัญยิ่งต่อโลก เช่น ให้พลังงานแก่พืชในรูปของแสง และพืชก็เปลี่ยนแสงให้เป็นพลังงานในการตรึงแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นน้ำตาล ตลอดจนทำให้โลกมีสภาวะอากาศหลากหลาย เอื้อต่อการดำรงชีวิต ดวงอาทิตย์ประกอบด้วยไฮโดรเจนอยู่ร้อยละ 74 โดยมวล ฮีเลียมร้อยละ 25 โดยมวล และธาตุอื่น ๆ ในปริมาณเล็กน้อย ดวงอาทิตย์จัดอยู่ในสเปกตรัม G2V ซึ่ง G2 หมายความว่าดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิพื้นผิวประมาณ 5,780 เคลวิน (ประมาณ 5,515 องศาเซลเซียส หรือ 9,940 องศาฟาเรนไฮ) ดวงอาทิตย์จึงมีสีขาว แต่เห็นบนโลกเป็นสีเหลือง เนื่องจากการกระเจิงของแสง ส่วน V (เลข 5) บ่งบอกว่าดวงอาทิตย์อยู่ในลำดับหลัก ผลิตพลังงานโดยการหลอมไฮโดรเจนให้เป็นฮีเลียม และอยู่ในสภาพสมดุล ไม่ยุบตัวหรือขยายตัว ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากศูนย์กลางดาราจักรทางช้างเผือกเป็นระยะทางโดยประมาณ 26,000 ปีแสง ใช้เวลาโคจรครบรอบดาราจักรประมาณ 225-250 ล้านปี มีอัตราเร็วในวงโคจร 215 กิโลเมตรต่อวินาที หรือ 1 ปีแสง ทุก ๆ 1,400 ปี


สารคดี ท่องโลกกว้าง ตอน ความลับของดวงอาทิตย์


อนาคตของดวงอาทิตย์

ความลับของดวงอาทิตย์

มันคือภูมิทัศน์ต่างดาวที่ซึ่งทอร์นาโดแม่เหล็กพุ่งขึ้นเป็นเกลียวไปไกลหลายหมื่นกิโลเมตร หลุมมืดที่ลึกลับซึ่งใหญ่พอที่จะกลืนกินโลก จมลงและผุดขึ้น การระเบิดที่รุนแรง ได้ปล่อยอนุภาคปะจุ เข้าสู่อวกาศ ด้วยอัตราเร็วมากกว่า 3ล้านกิโลเมตร/ชั่วโมง มันไม่ใช่เรื่องแปลกในอีกด้านหนึ่งของดาราจักร แต่นี้คือดวงอาทิตย์ของเรา ปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่ทำให้เราได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน ดาวเทียมกำลังทำให้นักวิจัยเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ต่อความลับที่เก่าแก่หลายร้อยปี ดวงอาทิตย์ทำงานอย่างไร? พลังงานเหล่านี้มาจากไหน? และการทำงานภายในของมันจะส่งผลกระทบต่อเราที่อยู่ไกลออกมารวด 150 ล้านกิโลเมตร อย่างไร?

สารคดี ความลับของดวงอาทิตย์

 

ความคิดเห็น เกี่ยวกับ สารคดี ความลับของดวงอาทิตย์
-ถ้าเราสามารถผลิตแสงอาทิตย์ได้เอง
มนุษย์ก็จะคงอยู่รอดได้ตลอดไปจนถึง
จุดจบของเอกภพเลยที่เดียว
ซึ่งปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษา
กระบวนการและวิธีการลอกเลียนแบบ
แสงอาทิตย์ขึ้นมา ซึ่งส่วนตัวแล้วคิดว่า
ไม่เกินความสามารถของมนุษย์…

-เราอยู่เพื่อรักโลกรักดวงอาทิตย์และรักดวงจันทร์ให้มากก็พอคะ ทุกวันนี้เราสามารถทำได้เท่านี้ สิ่งสำคัญคือโลกไม่สามารถขาดดวงอาทิตย์&ดวงจันทร์ไปได้คะ ถึงโลกอาจฟลุ้ครอดจากการระเบิดของดวงอาทิตย์มาได้ โลกก็จะเป็นดาวน้ำแข็งอยู่ดี ใครจะอยู่ได้

-ดวงอาทิตย์โลก สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้เกิดจากสสารที่เหลือจากระเบิดของดาวฤกษ์รุ่นแรกๆ เราเป็นเพืยงเศษเสี้ยวเล็กๆของอวกาศและกาลเวลาเท่านั้น

-ไปเปิดดูในพระไตรปิฎกเล่มที่20อังคุตนิกาย.หัวข้อสุริยะจักรสูตร.พระพุทธเจ้าท่านพูดไว้ว่า.ในอนาคตกาลข้างหน้า.จะมีดวงอาทิตย์.ดวงที่2เกิดขึ้นมนุษย์จะมองเห็น.ซึ่งตรงกับนักวิทยาศาสตร์อย่าง.(เบอร์ตันรัสเซ่น).ใช้กล้องดูดาวที่เขาสร้างขึ้นและมองเห็นมันอยุ่ไกลจากโลกปะมาณ1พันปีแสง.มีขนาดใหญ่มาก.กำลังใกล้เข้ามา.และนักวิทยาศาสตร์เขาได้ให้การยอมรับและเป็นชัยชนะของพุทธศาสนา.เพราะการถูกจำกัดเครื่องมือการเข้าถึงที่มีของพวกเขายังสู้พุทธศาสนาไม่ได้ และดวงที่3-4-5-6จะเกิดขึ้นอีก.จนถึงดวงที่7โลกจะถูกไหม้และสลายไปในที่สุด.

-อีก 5 พันล้านปี กว่ามันจะดับ ถึงเวลานั้นแล้วมนุษย์เราอาจดับสูญสิ้นไปก่อน หรือ คนรุ่นหลังประเทศอื่นๆ เค้าก็คงจะคิดค้นเทคโนโลยีต่างๆ จนอาจย้ายถิ่นฐานไปตั้งอาณานิคมในอวกาศ หรือ ย้ายไปอยู๋ดาวดวงอื่นแล้วก็ได้

-คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่จะบอกเล่านี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า อย่าพึ่งเชื่อ ให้พิสูจน์ก่อนว่าจริง ถ้าคุณนับถือศาสนาพุทธ แล้วเชื่อว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้จริง ก็คงศึกษาว่าพระพุทธเจ้าตรัสเรื่องจักวาลว่าอย่างไง ……..โลกดวงที่เราอาศัยอยู่นี้จะแตกสลายด้วยดวงอาทิตย์
.”โลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล” หมายความว่า 1 แกลแล็คซี่เล็ก มีระบบสุริยะจักรวาล 1 พันจักรวาล – โลกธาตุอย่างกลาง 1,000 x 1,000 ระบบสุริยะจักรวาล เท่ากับแกแล็คซี่อย่างกลาง เท่ากับหนึ่งล้านระบบสุริยะจักรวาลพอดี – โลกธาตุอย่างใหญ่ x1000 ของโลกธาตุอย่างกลาง ดังนั้นโลกธาตุใหญ่จะมีระบบสุริยะจักรวาล เท่ากับหนึ่งพันล้านระบบสุริยะจักรวาล และโลกธาตุทั้ง 3ขนาดนี้ รวมจำนวนระบบสุริยจักรวาลทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้ นำไปคูณแสนสิบล้าน(แสนโำกฎ) จะเท่ากับ1,000,000,000,000 x 1,000,000,000,000 เท่ากับ 1,000,000,000,000,000,000,000,000 ระบบสุริยะจักรวาล และโลกธาตุ (แกลแล็คซี่) ทั้ง 3ขนาดนี้ ไม่มีประมาณคือไม่มีที่สิ้นสุด แค่แกลแล็คซี่ เล็ก กลาง ใหญ่ อย่างละ 1แกลแล็คซี่ มีโลกที่มีมนุษย์ มากมายแค่ไหน ลองคิดดูว่าแกแล็คซี่ที่มีอยู่ ไม่มีประมาณไม่มีที่สิ้นสุด พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า สัตว์ผู้มี อวิชา เป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก แล่นไปอยู่ ท่องเที่ยวไปอยู่ ในสังสารวัฎ บางครั้งแล่นจากโลกโน้นสู่โลกนี้ บางคราวแล่นจากโลกนี่สู่โลกโน้น ที่บอกว่าสัตว์แล่นไปโลกโน้นโลกนี้เพราะว่า ระบบจักรวาลของตัวเองแตกสลาย ก็ไปเกิดอยู่ในโลกอื่น ระบบจักรวาลที่แตกสลายไปมันจะใช้เวลาอีกยาวนานเพื่อสร้างตัวขึ้นมาใหม่วนเวียนไปแบบนี้ไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนกัน ไม่ต้องสร้างพระอาทิตย์เทียมหรอก ในอนาคตเจอพระอาทิตย์เพิ่มขึ้นถึง 7ดวงแล้วโลกก็จะแตกสลาย…
…..มาดูว่า พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องโลกแตกสลาย หรือชาวตะวันตกเรียกว่า วันสิ้นโลก อย่างไร
……….ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในกาลบางครั้งบางคราว โดยล่วงไปแห่งกาลนาน พระอาทิตย์ดวง
ที่ ๒ ปรากฏ เพราะพระอาทิตย์ดวงที่ ๒ ปรากฏ แม่น้ำลำคลองทั้งหมด ย่อมงวดแห้ง ไม่มีน้ำ
ฉันใด สังขารก็ฉันนั้น เป็นสภาพไม่เที่ยง …ควรหลุดพ้น ฯ
……….ในกาลบางครั้งบางคราว โดยล่วงไปแห่งกาลนาน พระอาทิตย์ดวง
ที่ ๓ ปรากฏ เพราะอาทิตย์ดวงที่ ๓ ปรากฏ แม่น้ำสายใหญ่ๆคือ แม่น้ำคงคา ยมุนา
อจิรวดี สรภู มหี ทั้งหมดย่อมงวดแห้ง ไม่มีน้ำ ฉันใดดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลาย
ก็ฉันนั้น เป็นสภาพไม่เที่ยง … ควรหลุดพ้น ฯ
………ในกาลบางครั้งบางคราว โดยล่วงไปแห่งกาลนาน พระอาทิตย์ดวง
ที่ ๔ ปรากฏ เพราะพระอาทิตย์ดวงที่ ๔ ปรากฏ แม่น้ำสายใหญ่ๆ ที่ไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำ
ใหญ่ คือแม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภูมหี ทั้งหมดย่อมงวดแห้ง ไม่มีน้ำ ฉันใด ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายก็ฉันนั้น เป็นสภาพไม่เที่ยง … ควรหลุดพ้น ฯ
………ในกาลบางครั้งบางคราว โดยล่วงไปแห่งกาลนาน พระอาทิตย์ดวง
ที่ ๕ ปรากฏ เพราะพระอาทิตย์ดวงที่ ๕ ปรากฏ น้ำในมหาสมุทรลึก ๑๐๐ โยชน์ก็ดี ๒๐๐ โยชน์
ก็ดี ๓๐๐ โยชน์ก็ดี ๔๐๐ โยชน์ก็ดี ๕๐๐โยชน์ก็ดี ๖๐๐ โยชน์ก็ดี ๗๐๐ โยชน์ก็ดี ย่อมงวดลง
เหลืออยู่เพียง ๗ ชั่วต้นตาลก็มี ๖ ชั่วต้นตาลก็มี ๕ ชั่วต้นตาลก็มี ๔ ชั่วต้นตาลก็มี ๓ ชั่วต้นตาล
ก็มี ๒ ชั่วต้นตาลก็มี ชั่วต้นตาลเดียวก็มี แล้วยังจะเหลืออยู่ ๗ ชั่วคน๖ ชั่วคน ๕ ชั่วคน
๔ ชั่วคน ๓ ชั่วคน ๒ ชั่วคน ชั่วคนเดียว ครึ่งชั่วคน เพียงเอว เพียงเข่า เพียงแค่ข้อเท้า
เพียงในรอยเท้าโค ดูกรภิกษุทั้งหลาย น้ำในมหาสมุทรยังเหลืออยู่เพียงในรอยเท้าโคในที่นั้นๆ
เปรียบเหมือนในฤดูแล้ง เมื่อฝนเมล็ดใหญ่ๆ ตกลงมา น้ำเหลืออยู่ในรอยเท้าโคในที่นั้นๆ
ฉะนั้น เพราะพระอาทิตย์ดวงที่ ๕ ปรากฏ น้ำในมหาสมุทรแม้เพียงข้อนิ้วก็ไม่มี ฉันใด ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายก็ฉันนั้น เป็นสภาพไม่เที่ยง …ควรหลุดพ้น ฯ
……………..ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในกาลบางครั้งบางคราว โดยล่วงไปแห่งกาลนาน พระอาทิตย์
ดวงที่ ๖ ปรากฏ เพราะพระอาทิตย์ดวงที่ ๖ ปรากฏ แผ่นดินใหญ่นี้และขุนเขาสิเนรุ ย่อมมี
กลุ่มควันพลุ่งขึ้น เปรียบเหมือนนายช่างหม้อเผาหม้อที่ปั้นดีแล้ว ย่อมมีกลุ่มควันพลุ่งขึ้น ฉะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายก็ฉันนั้น เป็นสภาพไม่เที่ยง … ควรหลุดพ้น ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในกาลบางครั้งบางคราว โดยล่วงไปแห่งกาลนาน พระอาทิตย์
…………….ดวงที่ ๗ ปรากฏ เพราะพระอาทิตย์ดวงที่ ๗ ปรากฏ แผ่นดินใหญ่นี้และขุนเขาสิเนรุ ไฟจะติด
ทั่วลุกโชติช่วง มีแสงเพลิงเป็นอันเดียวกัน เมื่อแผ่นดินใหญ่และขุนเขาสิเนรุไฟเผาลุกโชน
ลมหอบเอาเปลวไฟฟุ้งไปจนถึงพรหมโลก เมื่อขุนเขาสิเนรุไฟเผาลุกโชนกำลังทะลาย ถูกกอง
เพลิงใหญ่เผาท่วมตลอดแล้ว ยอดเขาแม้ขนาด ๑๐๐ โยชน์ ๒๐๐ โยชน์ ๓๐๐ โยชน์ ๔๐๐ โยชน์ ๕๐๐ โยชน์ ย่อมพังทะลาย เมื่อแผ่นดินใหญ่และขุนเขาสิเนรุถูกไฟเผาผลาญอยู่ย่อมไม่ปรากฏขี้เถ้าและเขม่า เปรียบเหมือนเมื่อเนยใสหรือน้ำมันถูกไฟเผาผลาญ อยู่ ย่อมไม่ปรากฏขี้เถ้าและเขม่า ฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายก็ฉันนั้น เป็นสภาพไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นชม ควรจะเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้น ในสังขารทั้งปวง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในข้อนั้น ใครจะรู้ใครจะเชื่อว่า แผ่นดินนี้และขุนเขาสิเนรุจักถูกไฟไหม้
พินาศไม่เหลืออยู่ นอกจากอริยสาวกผู้มีบทอันเห็นแล้ว (โสดาบัน) ฯ

-อีกราวห้าร้อยถึงหนึ่งพันปีข้างหน้านี้ มนุษย์ก็สามารถอพยพออกไปอยู่ดาวดวงอื่นได้แล้วครับ เทคโนโลยีของมนุษย์นับวันยิ่งก้าวกระโดดเช่นเดียวกันกับคอมพิวเตอร์ และอีกห้าสิบถึงหนึ่งร้อยปีข้างหน้านี้เราจะได้พบกับดวงดาวที่สามารถอยู่อาศัยได้แบบชัดเจนมากนิ่งอีก

-โลกขาดดวงอาทิตย์สิ่งมีชีวิตก็จะตายหมดเพราะขาดอากาศหายใจ..เพราะแสงของดวงอาทิตย์มาสังเคราะห์ระบบอากาศให้ดาวโลกและสังเคราะห์ของร่างกายให้ดำเนินต่อไป..ใครปฏิบัติจนได้ญาณถึงสองอย่างก็จะเห็นด้วยจักขุวิญญาณรู้ได้ด้วยจิตวิญญาณ นั่นก็จะทราบความเป็นจริงในจักวาลในเอกภพต่างๆ..(ใครอยากได้แร่เพชรก็ไปเอาในแกนกลางของดวงอาทิตย์สิ..เพราะมันทำหน้าที่เชื้อเพลิงให้ดวงอาทิตย์นั่นเอง)นับว่ามนุษย์นักวิทยา…ก็เก่งที่วินิจฉัยได้ใกล้เคียงกลับความจริงความคิดของมนุษย์นี่สุดยอดจริงๆ…ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีมนุษย์ส่วนมากที่ได้บรรลุมรรคผลเป็นอริย..

-ทุกอย่างมีเกิดและดับ
ดวงอาทิตย์เกิดแล้วถึงเวลาหนึ่งมันก็จะดับมอดไป
แม้กาแล็กซี่ทางช้างเผือกก็จะถูกกาแลกซี่ดวงอื่นชนและแตกกระจาย ก่อนที่จะรวมตัวกันใหม่
สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในเวลาอีก หลายร้อยหลายพันล้าน…ปี
ทำไมเราต้องไปวิตกกังวน

-วิทยาศาสตร์บอกเหตุผลเรื่องการกำเหนิดจักรวาล แต่ผมไม่ค่อยจะเชื่อเพราะทุกวันนี้ มนุษย์ก็ยังไม่เคยไปสัมผัสดาวพวกนั้นๆเลย แล้วบอกระบบสุริยะ เกิดขึ้นจาก บิ๊กแบง แล้วกำเหนิดดาวต่างๆและโลกออกมา แล้วแตกออกมาจากก้อนหินก้อนเดียวกัน แต่ออกมาเป็นดาว อาทิตย์ จัน อังคาร พุธ ต่างๆ แม้กระทั่งโลก แล้วทำไมไม่เป็นดาวแบบเดียวกันทั้งที่ออกมาจากก้อนหินเดียวกัน มิหนำซ้ำ มันกลม และหนุนได้ และโครจรรอบดวงอาทิตย์ โดยระยะห่างไม่ผิดเพี้ยน โดยแต่ละดาวล่องลอยอยู่โดยไร้พันธนาการ

Copy link
Powered by Social Snap